ทำไมเราถึงต้องมีคนที่ใช่รอบตัว ไม่ว่าจะเพื่อนหรือแฟนหรือความสัมพันธ์ไหน ถ้าเราแวดล้อมด้วยคนที่ดี คอยให้คำแนะนำเราเสมอ มองเห็นปัญหาในตัวเรา ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น
มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชีวิตเราถึงไปได้ไกลถ้ามีคนที่ใช่รอบตัว
ตั้งแต่เด็ก ๆ ผู้ใหญ่มักจะบอกว่า ให้เลือกคบเพื่อนนะ อย่าไปคบกับคนนิสัยไม่ดี คนเกเร เด็กติดยานะ แต่บางที่สถานการณ์ก็บีบคั้น ต้องให้มาคบกับเพื่อนที่ต้องฝืนกันไป บ้างก็อยู่กลุ่มเดียวกันมาสักพักด้วยจะถอนตัวไปเลยเฉย ๆ ก็ลำบาก จะให้อยู่คนเดียว แบบฉายเดี่ยวก็ไม่ได้ อย่างอาริสโตเติลนักปราชญ์ชาวกรีก ก็เคยบอกไว้ว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ธรรมชาติจะต้องมีชีวิตอยู่ร่วมกันกับคนอื่น ๆ แล้วพอยิ่งโตขึ้นมาในชีวิตวัยทำงาน เวลาอยู่แผนกเดียวกัน ทีมเดียวกันเจอเพื่อนที่น่าปวดหัวอีกทีนี้จบเลย หลายครั้งที่เกิดปัญหาระหว่างเพื่อนร่วมงานในบริษัท บรรยากาศในการทำงานไม่ค่อยดี มีแต่คนแก่งแย่งชิงดีกัน แบบนี้ทำยังไงดี จะมีวิธีสังเกตไหม หรือวิธีเลือกเพื่อนยังไงให้ชีวิตดีขึ้น
วันนี้ผมและทีมงานเกลา ก็ได้เอาเทคนิคไว้สังเกตเพื่อนที่คุณจะคบ เลือกคบอย่างไรให้ได้เพื่อนช่วยคิด ช่วยทำ รวมถึงจะปลีกตัวจากกลุ่มคนไม่ใช่ได้ยังไง ก่อนอื่นก็มาลองสังเกตเพื่อนที่คุณเผชิญอยู่ว่าเข้าข่ายข้อพวกนี้บ้างรึป่าว เพราะวิธีต่อไปนี้คือวิธีสังเกตเพื่อที่ไม่น่าคบ ควรถอยหนีให้ห่าง
ชอบแนะนำ ทำเป็นตัวอย่างในเรื่องที่ผิด ๆ เรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ อย่างบริษัทมีกฎไว้ดูแลพนักงานด้วยกัน แต่ก็ชอบเป็นคนแหกกฎ หรือมีขโมยเล็กขโมยน้อยโดยอ้างว่ามีภาระที่บ้านต้องดูแลเยอะ ชอบชวนเพื่อน ๆ ในทีมให้ทำอะไรที่ผิดศีลผิดธรรม เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป ไม่ว่าจะ เสพยา มีกิ๊ก เล่นพนันออนไลน์ แชร์ลูกโซ่เพราะหวังจะได้รวยทางลัด หรือชวนกันยักยอกเงินบริษัท แบบเอาเงินลูกค้าไปใช้ก่อน ไม่ยอมคืน บางทีทำกันเป็นทีม เน้นหารายได้หลายทางแบบผิด ๆ
มีใครเคยเจอเพื่อนประเภท งานที่มีของตัวเองก็ไม่จัดการ งานการที่ได้รับมอบหมายก็จะหมักหมมเอาไว้ จนเป็นดินพอกหางหมู ทำเนียนเหมือนยุ่งตลอดเวลา พอถึงเวลาก็เอาหน้าแย่งผลงาน เน้นชอบแทรกแซง ก้าวก่ายงานของคนอื่น ชอบจับผิดผู้ที่ร่วมงานหรือแม้แต่ใครที่ตัวไม่อยู่ตรงนั้นก็จะถูกเอามาเม้าท์ มาเป็นประเด็นเสมอ ๆ ต่อหน้าก็นอบน้อม พูดจาดี ลับหลังคือนินทา ให้ร้าย ชอบพูดจาทำให้ตัวเองดูดี แต่คนอื่นดูแย่ ชอบแกล้งทำความรบกวนให้เดือดร้อนอยู่บ่อย ๆ เป็นคนไม่ชอบยอมรับผิด อะไรที่ไม่ดีจะโยนให้คนอื่น แต่อะไรที่ดี ๆ เป็นคำชมก็จะรับไว้เอง
อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นตา และเห็นกันจนชิน ตั้งแต่ในสมัยเรียนกับบุคคลกลุ่มนี้ เช่นเป็นเพื่อนที่ชอบหนีเรียน ชอบเล่นการพนันจนหมดตัว ชอบเถียงพ่อแม่ และถ้าในช่วงวัยทำงานก็มักจะเห็นกลุ่มคนเหล่านี้ชอบมีปากมีเสียง เห็นคนทำถูกเป็นคนโง่ เห็นคนที่กลัวความผิดว่าเป็นคนขี้ขลาด ชอบผลักดันคนอื่น ๆ แบบผิด ๆ ใครผิดพลาดอะไรหน่อยก็จะเหยียบให้จมดินเพราะอยากให้คนอื่นเติบโต เป็นสายเห็นแก่ตัว ประโยชน์อะไรที่ตัวเองจะได้ก็จะกอบโกยไม่แบ่งคนอื่น เอาแต่ใจตัวเอง ไม่รู้จักแยกแยะงานกับอารมณ์ส่วนตัว ชอบคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ
เคยเป็นไหมเวลาเห็นเพื่อนคนนึงมาทำงานสายอยู่บ่อย ๆ มักจะโดนหัวหน้าตาหนิ และเพ่งเล็งตลอด เขาจะรู้สึกไม่พอใจ รู้สึกโกรธ พอมีปัญหากันในทีมอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็โกรธ แม้แต่มองหน้าบางครั้งก็ยังโกรธ เป็นคนประเภทอวดดี หัวแข็ง ดื้อรั้น ใครมาบอก มาตักเตือนก็ไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข คิดว่าตัวเองดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมายุ่ง EGO สูงลิ่ว บางงานยิ่งถ้าเป็นคนที่ฐานะต่ำกว่าหรืออายุน้อยกว่ามาอธิบายเหตุผลก็จะตอบกลับว่าไม่มีสัมมาคารวะ ก็จะไม่พอใจ กระโชกโหกหาก โวยวายกลับเสียงดัง เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่มีความอดทน ทำให้เวลาอยู่ใกล้ใครแล้วคนอื่นจะรู้สึกร้อนเนื้อ ร้อนใจ ไม่สบายตัว
คนเหล่านี้มองเผิน ๆ มักจะเข้าใจว่าเป็นคนง่าย ๆ อะไรก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เป็นคนอะไรก็ได้ สบาย ๆ แต่เป็นคนมักง่ายตั้งหาก บริษัทออกกฎเรื่องการทานอาหารในเฉพาะพื้นที่ที่จัดเท่านั้น แต่ก็พยายามแอบเอาขนม เอาอาหารมากินที่โต๊ะทำงานอยู่บ่อย ๆ ไม่มีการทำความสะอาด สกปรก รกรุงรัง หรือแม้แต่ ทุกเช้าจะมีการนัดรวมประชุมทีมงานก็ไม่ค่อยจะใส่ใจ เหม่อลอย ไม่สนใจใด ๆ พอเกิดปัญหากลุ่มคนเหล่านี้มักจะบอกว่าไม่รู้ ไม่เห็นมาแจ้งก่อน ชอบทำให้องค์กรเกิดความวุ่นวายปั่นป่วน แม้แต่ความระเบียบในจิตใจก็ไม่มี ชีวิตดูยุ่งเหยิง
การเลือกคบเพื่อนที่ดี จะมีวิธีที่สังเกตได้ง่าย ๆ อยู่ 3 อย่างเบื้องต้นคือ เป็นคนที่คิดบวก พูดแต่สิ่งดี ๆ ทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้าหลายคนจำได้ก็มักจะเจอกับคำนี้บ่อย ๆ คือ “คิดดี พูดดี ทำดี” นั้นเอง ส่วนใหญ่เพื่อนที่ดี ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนถ้าเราสังเกต เขามักจะชวนเราให้ทำอะไรที่มีประโยชน์ ไม่ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน รู้จักพูดและทำตรงไปตรงมา ไม่ชอบการนินทา เป็นคนที่เปิดรับกับข้อติชม เห็นคนที่คอยมาแนะนำคอยบอกเป็นคนที่จิตใจดีกล้าที่จะบอกข้อเสียกับเขา เพราะคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกล้าบอกข้อเสียเพื่อน กลัวเสียเพื่อนไป แต่ถ้าใครมาบอก เขาก็จะรู้ว่านี้คือการชี้ให้เห็นประตูโอกาส ที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นอีกมาก นอกจากนี้ก็จะมีนิสัยที่เป็นระเบียบ รักความสะอาดอีกด้วย และวิธีการที่จะได้คบเพื่อนดี ๆ ต้องทำยังไง วันนี้เราก็มีมาแนะนำเช่นกันครับ
วิธีการที่จะได้คบเพื่อนดี ๆ ต้องทำยังไง วันนี้เราก็มีมาแนะนำ
แน่นอนว่าการที่เราอยากจะเข้าไปอยู่กับสังคม หรือเพื่อนดี ๆ เราก็ต้องขยันที่จะไปพบ ไปหาอยู่บ่อย ๆ เพราะการไปเจอ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ เหมือนกับดวงดาวในอากาศหาก ไม่พยายามเข้าใกล้จุดศูนย์กลางแรงดึงดูด ก็จะถูกผลักออกไปจากวงโคจร เช่นกันกับความสัมพันธ์ ถ้าเราอยากสนิท หรือรู้จักช่วงแรก ๆ ต้องขยันไปให้เขาได้เห็นหน้า รู้สึกคุ้นกันก่อนในระดับหนึ่ง
หลังจากคุ้นหน้ากันบ้างแล้ว ถัดมาคือต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตเหมือนกับเขา อยากได้นิสัยดีเหมือนเขาก็ให้ทำตัวเลียนแบบเขา อย่างทฤษฎี Mirror Neurons หรือเซลล์สมองกระจกเงา ที่เรามักจะเห็นคนหาวในที่ประชุมแล้วเราก็อยากจะหาวตาม หรือว่าหัวหน้าที่นั่งอยู่ในห้องประชุม เริ่มกอดอก ก็มีหลายคนเริ่มกอดอกตาม จริง ๆ แล้วเซลล์ที่อยู่ในสมองมนุษย์ที่เรียกว่า Mirror Neurons หรือเซลล์สมองกระจกเงา เป็นเซลล์ที่สามารถตอบสนองต่อการเรียนรู้ของเราได้ เช่นผ่านการมอง ได้ยิน ได้กลิ่น และเห็นภาพ แบบนี้ถ้าเราเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ เพื่อนที่มีนิสัยดี พฤติกรรมบางอย่างเราจะค่อย ๆ เกิดการลอกเลียนแบบ ถ้าผ่านไปสักระยะเราก็จะกลายเป็นคนที่มีนิสัยใหม่ทันทีแบบไม่ต้องฝึกหรือฝืน
เรื่องของการเรียนรู้ และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ข้อนี้ถือว่าสำคัญพอสมควร เพราะเพื่อนสำหรับบางคนต้องใช้ชีวิตมากกว่า 70% ในแต่ละวันการที่เราเสแสร้ง แกล้งทำ เพื่อคบหวังผลประโยชน์ สุดท้ายอีกฝ่ายรู้ว่าเราเป็นคนอย่างไร เขาก็จะพยายามตีตัวออกห่าง และไม่อยากยุ่งกับเรา ในทางกลับกันถ้าเรามีความจริงใจกับเพื่อน แน่นอนว่าการเรียนรู้ซึ่งกันและกันก็จะเกิดขึ้น เพื่อนก็กล้าที่จะให้ กล้าที่จะสอน กล้าที่จะบอก เราก็จะได้ประโยชน์และโอกาสในตรงนี้ แต่บางคนพอเริ่มสนิทมากขึ้นก็ขาดความเกรงใจ ใช้คำพูดไม่ได้ระวัง จนเกิดการทะเลาะและสูญเสียในที่สุด เพราะฉะนั้นการที่เราสนิทกันไม่ใช่แค่ต้องจริงใจ แต่เราต้องใส่ใจ เรียนรู้กันและกัน รวมถึงเอาใจเข้ามาใส่ใจเรา
หนึ่งในนิสัยที่หลายคนอยากคบ และเป็นที่ยอมรับก็คือ การฟัง เพราะเคยรู้สึกไหมที่มีเพื่อนที่ชอบพูด ชอบเม้าท์ ชอบอวด ทั้งหมดคือสายพูดทั้งนั้น แต่พูดเรื่องดีหรือไม่ดีก็อีกเรื่อง ในส่วนของการฟัง อันนี้ไม่ใช่ฟังแบบผ่านหูซ้ายทะลุหูขวา แต่เป็นการฟังอย่างตั้งใจ จับใจความสาระให้ได้ เพื่อเข้าใจรายละเอียดเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบ บางทีเพื่อนที่เราคัดกรองมาแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะมีไอเดีย แนวคิด หรือความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของทีม หรือแม้แต่การใช้ชีวิต ซึ่งการฟังให้เป็น ไม่เน้นพูดแทรก จะทำให้เราตอบโต้ได้อย่าง Productive รวมถึงถ้าเราสามารถจดจำในสิ่งที่เรียนรู้มาได้ก็ควรฝึกใช้ทักษะที่เรียกว่า Critical thinking ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาอีกครั้ง เป็นกระบวนการ คิด วิเคราะห์ ที่ใช้เหตุผล พยายามไม่เอาอารมณ์หรือ EGO เข้ามามีส่วนในการวิเคราะห์ตรงนี้ ถ้าหากมีประโยชน์และถ้าทำจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เราก็ควร Work hard กับสิ่งที่ได้เรียนรู้ ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง แค่นี้เราก็จะได้พัฒนาศักยภาพเป็นคนใหม่ ง่าย ๆ
ทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์เพียงคุณได้คบกับเพื่อนที่ดี เพื่อนที่สามารถช่วยเหลือเราและเราสามารถช่วยเหลือเพื่อนได้ แต่ส่วนเทคนิคที่เราจะตีตัวห่างออกจากเพื่อนในทีมที่ไม่นาคบในชีวิตประจำวัน หากคุณต้องคลุกคลีใกล้ชิดแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในทีมที่ร่วมงานกัน หรือแม้แต่ญาติ ๆ ทั้งหลาย เราต้องพยายามฝึกเลี่ยงการฟัง การพูด เกี่ยวกับเพื่อนคนนั้น หรือต้องไม่มานั่งคิด ไม่พยายามสะสมเรื่องราวไม่ดี ที่เป็น Negative thinking พอยิ่งถ้าเราหมกหมุ่นยิ่งคิดยิ่งทำ ในสมองเราก็มีแต่เรื่องลบ ๆ พอจะทำอะไร จะพูดอะไรก็ลบไปหมด
สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจากเดิม อาจจะต้องหาอะไรทำและโฟกัสไปสิ่ง ๆ นั้น เช่น ตั้งใจทำงานในส่วนของตัวเองที่ไม่ต้องพึ่งแรงของคนอื่นให้เสร็จเรียบร้อย ฝึกทำสมาธิให้ใจจดจ่ออยู่กับตัวของเราเองให้มากที่สุด แต่หากใครที่สถานการณ์ไม่ได้บีบบังคับ และกำลังเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิตการทำงาน เราต้องฝึกทำตัวเป็น ‘แม่เหล็ก’ ที่ดีก่อน พยายามเลิกนิสัยอันตรายที่จะส่งผลต่อให้เกิดนิสัยร้าย ๆ ได้ในอนาคต เช่น ฝึกการตื่นเช้า ไม่ตื่นสาย ทิ้งขยะให้เป็นที่ ฝึกทำความสะอาดบริเวณที่เราต้องอยู่อาศัย พอเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ในตัวเรา ก็ทำให้เราเป็นแม่เหล็กที่สะอาด (ดูจากบุคลิกภาพภายนอกก็ดูน่าคบหา) ถึงเวลาที่ต้องเข้าสังคม คบเพื่อนก็จะเป็นการดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต
หลายคนเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูดมาบ้างแล้ววันนี้ผมจะไม่ลงรายละเอียดนะครับ แต่นั้นมีจุดประเด็น ที่เป็นสิ่งสำคัญถ้าทุกคนทำตัวเองให้ดีก่อน ก็มักจะได้พบกับคนดี ๆ คนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน รักสะอาด ชอบความสงบ มีเหตุมีผล เป็นคนตรงต่อเวลา เรียกว่า ศีลเสมอแล้วเจอกัน
เพราะฉะนั้นถ้าหากเราอยากได้เพื่อนที่ดี อยากหาวิธีเลือกคบเพื่อนแบบดี ๆ ก็แนะนำเลยว่าให้เริ่มจากตัวเราเองก่อน ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มโอกาสในชีวิตให้ได้พบกับสิ่งดี ๆ มิตรภาพดี ๆ และชีวิตที่มีโอกาส ให้เราได้เลือกอีกมากมายแค่เพียงเริ่มต้นจากตัวคุณ