“คือเราอะ ไม่ได้เอานิสัยแย่ ๆ ของใคร ว่าทำไม เขาถึงแย่แบบนี้วะ หงุดหงิดจังเลย” – พลอยไพลิน
คิดบวกแล้วมีความสุข... มันมีความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ ไม่ว่าจะดีหรือว่าจะไม่ดี เพราะถ้าเราเป็นคนคิดบวกเราจะคอยสิ่งดี ๆ จากสิ่งที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเล็ก จะใหญ่ สมบูรณ์แบบหรือไม่สมบูรณ์แบบ หรือสิ่งที่ไม่ดี ...การคอยหาเหตุผลจากสิ่งที่ไม่ดี และพยายามมองหาข้อดีในสิ่งต่าง ๆ...ทำให้เราสามารถมีความสุขจากสิ่งง่าย ๆ ได้ตลอดเวลา
...แต่ “คิดบวก” ก็ต้องอยู่ในกรอบของ “ความเป็นจริง”
บางครั้งเรื่องบางอย่างมันก็เหลืออด จนมันช่วยไม่ได้... อย่างเช่น สมมติมีคนมาขโมยเงินไปล้านบาท เราก็จะมามัวมองว่าเขาคงมีเหตุผลของเขาล่ะไม่ได้ ...ขโมยเงินขนาดนี้ มันคือเจตนาไม่ดีจริง ๆ ดังนั้นบางครั้งการที่เรามองโลกในแง่ดีเกินไปมันทำให้เราขาดความระมัดระวังตัว จนอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวเราได้...
หลาย ๆ คน มีช่วงเวลาที่กดดันมากที่สุดในชีวิต... อย่างพี่พลอยก็จะเป็นช่วงที่จะต้องเปลี่ยนจากนักศึกษาไปทำงาน... กลัวว่าทำไม่ได้ กลัวที่จะไม่ประสบความสำเร็จ
...แต่ถ้าเราผ่านมันมาได้เราจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายและเติบโตขึ้น
หันหน้าเข้าหาความผิดหวัง
“ท้ายที่สุดแล้วมันจะคลี่คลายโดยการเผชิญหน้าโดยตรงกับมันไปเลย จะได้รู้ว่าทำได้ไม่ได้ พังยังไง”
ถ้าทำได้สมหวัง...ก็พัฒนา แต่ถ้าไม่ได้..ก็แค่หาว่าทำไม แล้วเราก็แก้ไขมัน... มีทั้งข้อเสียและข้อดีในการที่ได้และไม่ได้ ยังไงมันก็ได้เรียนรู้อยู่ดี... พี่พลอยพูด
ดังนั้น...
ลองเถอะ...มันเป็นคำตอบอยู่แล้ว
...ทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ มันทำให้เราจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น...
อย่างเช่น พี่พลอยที่เรียนภาพยนตร์ก็จะเห็นมุมมองของเบื้องหลัง แต่ก็เข้าใจนักแสดงเพราะตัวเองก็ทำอาชีพนี้ด้วย รวมถึงเข้าใจอาชีพนักเขียนเพราะตัวเองก็เป็นนักเขียน
มันอาจจะเป็นสิ่งที่ทำแล้วผิดหวัง ทำแล้วชอบหรือไม่ชอบ แต่มันคือ “ทุกอย่างที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้”...
มันไม่สำคัญหรอกว่าสิ่งที่เสียเวลาไปเป็นสิ่งที่ดีไม่ดี สิ่งที่เราเสียเวลาไปแล้ว เราได้เรียนรู้จากมันจริง ๆ หรือเปล่าต่างหากที่สำคัญ
....ดังนั้นลองไปเถอะ ...ถ้าเราชอบอะไรเราก็จะได้รู้ แต่ถ้าไม่ชอบอะไรก็จะได้รู้เหมือนกันว่าไม่ชอบอะไรกันแน่
...การที่เราคบกันได้อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ มันไม่ได้หมายความว่าเราเหมือนกันเลยอยู่ได้ แต่มันหมายความว่าเราพยายามเข้าใจกันถึงอยู่ด้วยกันได้...
ถ้าเราอยากที่จะอยู่ด้วยกันจริง ๆ เดี๋ยวเราก็จะพยายามปรับตัวและเข้าใจกันเอง ...ดังนั้น มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยที่จะต้องเปลี่ยนคน ๆ นึงเพื่อที่จะอยู่กับเราได้...มันเป็นไปไม่ได้
ถ้าอยากจะเปลี่ยน...เริ่มที่ตัวเองง่ายกว่า
...เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าเขาอยากอยู่กับเราจริง ๆ เดี๋ยวเขาเองก็จะพยายามเปลี่ยนตัวเอง ไม่ก็พยายามเข้าใจ ไม่ว่าจะวัฒนธรรม สังคมที่หล่อหลอม ครอบครัวของเรา... เขาจะพยายามเอง...เพื่อที่จะอยู่กับเราเช่นกัน
ทำไมเราไม่เกลาตัวเองก่อนที่จะเกลาคนอื่น?