ทำไมเขาถึงหาว่าเราไม่ตั้งใจ...ทำไมเราถึงไม่เคยได้มีโอกาสดี ๆ บ้างเลย
ประสิทธิภาพงานที่ได้... สิ่งที่คนเขามองว่าเราเป็น... สิ่งที่เราได้รับ... เปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนสิ่งที่เรียกว่า “นิสัย” ในตัวเราทั้งนั้น เพราะนิสัยเป็นตัวเป็นตัวบ่งบอกพฤติกรรม ทัศนคติ และพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ซึ่งก็มีทั้งดีและไม่ดีในตัวมันเอง
นิสัยที่มันทำร้ายคนรอบข้างหรือตัวเราเอง เราอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว เราอาจจะชอบหรือเราอาจจะไม่ชอบมัน เช่น นิสัย Perfectionist ที่ชอบให้อะไรมันเป็นความ Perfect ห้ามมีสิ่งใดผิดพลาดไม่อย่างนั้นจะเครียดมาก ถึงมันจะส่งผลให้ใคร ๆ ต่างก็มองคนพวกนี้เป็นยอดมนุษย์ สุดยอดคนเก่งคนตั้งใจ แต่มันก็พ่วงกับกิตติศัพท์มนุษย์ไม้บรรทัดแสนไร้หัวใจ ที่ไม่สนใจความยืดหยุ่นและหัวใจของเพื่อนร่วมงาน และสุดท้าย...นอกจากจะต้องทรมานกับการพยายามทำทุกอย่างให้ในชีวิตมันสมบูรณ์แบบแล้ว...ยังต้องมากลายเป็นว่าสิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับเขาและเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้าง กลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกแย่
Perfectionist ≠ Perfect Life
ถ้าหมกมุ่นกับอะไรที่มันสมบูรณ์....ก็ออกไปหาอะไรที่ไม่สมบูรณ์ซะ
ความสมบูรณ์แบบสำหรับ Perfectionist ก็เหมือนรูปทรงเรขาคณิต...เป็นสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาและเป็นเพียงอุดมคติ ไม่มีวันเป็นจริง และถ้าดันทุรังทำก็ได้เพียงแค่เข้าใกล้แต่ไม่มีวันเข้าถึง....นั่นเป็นเพราะว่าเราเป็นส่วนนึงของ “โลกของธรรมชาติ” โลกที่ไม่สมบูรณ์ที่สมบูรณ์ในตัวมันเอง ...เพราะฉะนั้นความไม่สมบูรณ์แบบก็คือความสมบูรณ์แบบนั่นแหละ ถูกต้องแล้ว
ยอมรับและปล่อยวางความ Perfect ลง ...และทำให้เต็มที่ก็พอ....แค่นี้ก็ Perfect แล้ว
นิสัยหลายๆอย่างเป็นนิสัยที่มีด้านบวกแค่ต้องอยู่ในระดับที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป เช่น นิสัย Perfectionist เนี่ย ถ้ามีในระดับที่ไม่มากเกินไป เราจะเป็นเพียงแค่คนที่ตั้งใจทำงานมาก ๆ และเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดคนนึงเท่านั้น ซึ่งการเป็นคนตั้งใจทำงาน มันทำให้สามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดของงานออกมาได้ และใคร ๆ ก็อยากให้โอกาสในการทำงานกับคนที่ตั้งใจ เพราะมันหมายความว่าคนเหล่านี้เห็นคุณค่าของโอกาสที่ได้รับ และจะทำมันให้ดีที่สุดแน่นอน
โอกาสนั้นมีไว้สำหรับคนที่เห็นคุณค่าของมันและตั้งใจที่จะใช้โอกาสนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด...ไม่ใช่สำหรับคนเก่งที่ขี้เกียจแต่อย่างใด
ทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญ...ซึ่งบางครั้งมันก็เกิดจากการที่สังคมหล่อหลอม เช่น คนไทยเราเนี่ย ติดนิสัยรักสบาย ซึ่งมันเป็นเสน่ห์อย่างนึงแต่มากเกินไปมันก็ทำให้เรากลายเป็นคนขี้เกียจ และมักโหยหา “ทางลัด”
How to ทำให้รวย.... How to ทำให้ประสบความสำเร็จ อะไรแบบนี้เป็นต้น
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทางลัดมันไม่มีอยู่ในโลก ...ถ้าอยากได้อะไรที่มันดี ก็ต้องจ่ายแพงๆ No pain No gain เพราะฉะนั้นเลิกซะ... ทัศนคติที่รักสบาย หวังผลที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่ทำอะไรเลย
เป็นไปแทบไม่ได้เลยที่เราอยากจะเป็นคนตั้งใจท่ามกลางคนขี้เกียจ... บางครั้งเราก็ต้องกล้าที่จะเอาตัวเองออกจากกลุ่มคนกลุ่มนั้นเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ไปหาสังคมที่ขยันที่ตั้งใจทำงาน ไปซึมซับความตั้งใจเหล่านั้น จนสุดท้ายเดี๋ยวเราก็จะเป็นคนตั้งใจไปเอง
ถ้าฉันต้องอยู่ในสังคมแบบนั้นล่ะ?
“ไม่มีใครดูถูกเราเท่าตัวเราเอง” - พี่นัท ณัฐ ศักดาทร
บางครั้งมันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะต้องมาเป็นคนตั้งใจท่ามกลางคนขี้เกียจ มันจะรู้สึกท้อ รู้สึกว่าทำไปทำไม รู้สึกทำไมไม่มีใครตั้งใจเหมือนเราบ้างเลย (เราเองก็เป็นคนนึงที่เคยต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้) แบบนี้ฉันทำไม่ได้หรอก... มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะท้อ แต่จำไว้ว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราเชื่อว่าสิ่งที่เรากำลังจะเปลี่ยนเนี่ย มันเป็นสิ่งที่ดี ให้ทำต่อไป จงเชื่อว่าเราสามารถทำได้ เพราะไม่มีใครดูถูกว่าเราทำไม่ได้ เท่าตัวเราเอง
ถ้าเราอยากจะเป็นคนตั้งใจ ไม่ต้องรอใครมาตั้งใจเป็นเพื่อน ไม่ต้องรอสังคมแบบนั้นเข้ามาในชีวิต
ถ้าอยากเป็นคนตั้งใจทำได้เลย...แค่เริ่มที่ตัวเรา
ถ้าสังคมหล่อหลอมเราได้...งั้นทำไมเราไม่ลองสร้างสังคมที่ดีขึ้นโดยการหล่อหลอมตัวเองก่อนล่ะ?
สังคมที่ดีขึ้นที่เริ่มจากตัวเรา...สู่สังคมที่ดีขึ้นในการหล่อหลอมคนรุ่นต่อ ๆ ไป
ทำไมเราไม่เกลาตัวเองก่อนที่จะเกลาคนอื่น?