School of Changemakers องค์กรเพื่อสังคม ที่สนับสนุนให้คนกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ทำการเก็บข้อมูลทุก ๆ 4 ปี ในช่วงอายุ 15-25 ปี ผลที่ออกมา ปรากฏว่า 97% ของคนไทยอยากที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แต่ในขณะเดียวกัน 70% ของคนไทยที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยเพราะ “สังคม” ไม่สนับสนุน...
“ถ้าน้องได้ไปเจอประเทศต่าง ๆ ที่พี่เจอมา ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่เปลี่ยนแปลงยากเลย” - พี่นุ้ย จาก School of Changemakers
จริง ๆ แล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนเข็มแข็ง ลุกขึ้นมาทำอะไรก็ทำได้สำเร็จไปแล้วตั้งหลายอย่าง ประโยคที่ที่บอกว่าคนไทยเปลี่ยนยาก มันก็แค่มาจากคนที่คิดว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เพราะว่าพวกเขายังไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรได้สำเร็จจริง ๆ ซึ่งคนแบบนี้มีอยู่จริง และมีอยู่มากซะด้วย...
พี่นุ้ยเล่าว่า ทั้ง ๆ ที่คนไทยเสียภาษีจากเงินเดือนประมาณ 5 ล้านคน จากค่าอาหาร ค่าข้าวของต่าง ๆ แต่กลับได้ข่าวมีคนโกงเงินกันทุกวัน บ่นทุกวัน ด่าทุกวัน แต่คนไทยก็มองว่ามัน “เป็นเรื่องปกติ”
การโกงเงินไม่ใช่เรื่องปกตินะ?
แทนที่จะโกรธจนทนไม่ได้ และลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เรากลับแค่ด่า บ่น หงุดหงิดในใจและสุดท้ายก็รู้สึกยอมรับมัน ว่าคนเราก็โกงกันเป็นเรื่องธรรมดา...ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา เราต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างสิ!
(NOT) too young to decide, (NOT) too old to change
...อย่ามาใช้ข้ออ้างว่ายังเด็กเกินไป หรือว่าแก่แล้วทำอะไรไม่ได้ และก็อย่ามาอ้างว่าพวกเราคนตัวเล็ก ๆ ทำอะไรไม่ได้มากหรอก...
จริง ๆ แล้วเราสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเราคิดว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก มันก็เป็นแค่เพราะเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรสำเร็จสักอย่างเท่านั้นเอง ถ้าลองเปลี่ยนแปลงอะไรเล็ก ๆ สักอย่างสำเร็จ เราก็จะรู้เองว่าเราเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างได้นะ แค่เราลงมือทำ
...เพราะถ้ามัวแต่อ้างสุดท้ายเราก็จะไม่ได้ลงมือทำ และจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
เราอาจจะมีภาพติดตา ว่าการเปลี่ยนแปลงมักจะมาพร้อมกับความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ เหมือนในประวัติศาสตร์ เช่น น้ำท่วม การประท้วง ฯลฯ แต่เราไม่จำเป็นต้องรอให้มันเกิดความสูญเสียก่อนก็ได้นี่?
การที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างมันไม่ได้มีแค่วิธีประท้วง ก่อหวอด ต่อต้าน ไม่ได้มีแค่การเผชิญหน้าที่จะนำไปสู่ความสูญเสีย เราสามารถหาวิธีที่สร้างสรรค์ หาข้อมูล รวบรวมคนที่มีแนวคิดเหมือนกัน คุยกัน ค่อย ๆ ทำมัน มันอาจจะช้าเพราะมันต้องใช้เวลา แต่ 18 เดือนเห็นผลแน่นอน ...พี่นุ้ยพูด
การเปลี่ยนแปลง = การทวนกระแส
คนที่จะทวนกระแสได้ต้องมีพลังมากพอ... และคงไม่มีพลังใดที่แข็งแกร่งเท่าพลังจาก “อินเนอร์”
ถ้าเราชอบ เราอยากทำ เราถนัดสิ่งนี้ เราจะมีพลังและมุมมองที่มากพอที่จะเห็นปัญหา เห็นทางงที่จะแก้ไข ที่จะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ต่อให้มันจะเป็นเรื่องที่คนอื่นจะบอกว่ายาก อย่าทำเลย แต่ด้วยพลังของอินเนอร์เราจะเชื่อจนสุดหัวใจว่ามันจะต้องทำได้แน่นอน...
There is no growth in comfort, there is no comfort in growth
คนอาจจะมองว่าช่วยเปลี่ยนแปลงเพื่อคนอื่นมันจะได้อะไร ลำบากก็ลำบาก แต่การที่เราเห็นว่าเราทำอะไรให้คนอื่นได้บ้าง แล้วเราได้เรียนรู้ไปด้วยมันมีความสุขนะ... และถึงแม้มันจะยากลำบากมันก็ช่วยให้เราเติบโตไปด้วย
ทำไมรัฐบาลไม่ทำอย่างนั้น เจ้านายไม่ทำอย่างนี้... เราคาดหวังการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากคนอื่น นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมมันถึงไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
สุดท้ายแล้วการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างมันไม่ได้มาจากคนที่ยิ่งใหญ่เลย มันมาจากคนตัวเล็ก ๆ ที่ทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างทั้งนั้น มันาจากตัวเรานี่แหละที่ต้องเริ่มที่จะเปลี่ยนอะไรสักอย่าง...ถ้าคนที่เขารู้สึกเหมือนเรา เขาจะมาทำตาม จนวันนึงมันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เอง
กล้าตอนไหนก็ทำตอนนั้นแหละ...พี่นุ้ยกล่าว
แต่ความอยากน่ะสร้างให้ไม่ได้ แต่ถ้ากลัวล่ะก็ กลัวไปด้วยกันนี่แหละ... เราไม่ได้อยู่คนเดียวซะหน่อย ล้มไปด้วยกันลุกไปด้วยกัน ถ้าตอนนี้กลัวก็หยุดก่อน พักซักหน่อยแล้วค่อยเดินต่อ...
ไม่มีอะไรสำเร็จจากครั้งแรกหรอก... ทุกการเปลี่ยนแปลงมันก็มีการล้มเหลวตลอด
แต่ถ้าเราไม่กล้าที่จะเปลี่ยนสักทีมันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจริง ๆ
ทำไมเราไม่เกลาตัวเองก่อนเกลาคนอื่น?