คุณกระทิงเล่าว่า ตนเองตื่นตี 4 ทุกวัน มาเป็นระยะเวลา 6 ปี ซึ่งจะเกิดจากนิสัยอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องเกิดจากความมุ่งมั่นภายใน ความเชื่อ และความรู้สึกว่าอยากทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ มันถึงต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 มีหลายครั้งที่อยากนอนต่อ เหนื่อยมาก แต่ก็ต้องลุกขึ้นมา
คุณกระทิงเล่าต่อว่า เมื่อก่อนเป็นคนอ่อนภาษาอังกฤษมาก จะท่อง A – Z ยังต้องท่องแบบใส่ทำนอง ถึงจะท่องได้ครบทุกตัว ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เรียนวิชา Fundamental English หรืออังกฤษพื้นฐาน ได้ C มาสองตัว จึงตั้งเป้าไว้ว่า จะอ่านหนังสือพิมพ์ Student Weekly อ่านทุกบรรทัด ตั้งแต่หน้าปกจนถึงปกท้าย ถ้าอ่านไม่จบ จะยังไม่นอน เก็บคำศัพท์ทุกวัน ทำแบบนั้นมาเป็นเวลา 2 ปี อ่านและเขียนไปด้วย ฟังและออกเสียงตามไปด้วย ฟังเทป BBC 43 ม้วน จนเทปยืด ทำแบบนี้เป็นเวลา 2 ปีเช่นกัน สุดท้ายทำคะแนน TOEFL เต็ม, GMAT 750 สอบเข้ามหาลัยชั้นนำหรือที่เรียกว่า U Topได้ และยังได้ทุนการศึกษาอีกด้วย
มีวินัย ความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ มีวิสัยทัศน์ในชีวิตของตัวเอง
ว่าชีวิตของเรา จะต้องไปให้ถึงตรงนั้นให้ได้ มันเรียกว่า ‘ความฝัน’ และที่สำคัญคือต้องมีเข็มทิศที่ถูกต้อง
ให้เริ่มด้วยการถามตัวเองด้วยคำถามง่าย ๆ 3 ข้อ ดังนี้
จุดแข็งของเราคืออะไร ?
จุดอ่อนของเราคืออะไร ?
เราอยากอยู่ในสังคมแบบไหน ?
เมื่อได้คำตอบแล้ว ให้คุณถามตัวเองต่อว่า คุณอยากเป็นใคร อยากทำอะไร หาสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตคุณให้ได้ ถ้าคุณเจอมัน เมื่อนั้น คุณจะไม่รู้สึกว่าคุณทำงาน คุณจะสนุกไปกับสิ่งที่คุณทำ จะรู้สึกว่าการนอนเป็นเรื่องน่ารำคาญ เพราะคุณจะอยากตื่นขึ้นมา ทำอะไรบางอย่าง แก้ปัญหาบางสิ่ง ถ้าคุณเจอมันแล้ว ก็ยินดีด้วย คุณเจอเป้าหมายนึงในชีวิตของคุณแล้ว และมันจะดีมาก ถ้าคุณเป็นคนเดียวที่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ เหมือนคุณกระทิง เขาเองก็เริ่มการทำ Startup Ecosystem โดยการมองหาช่องว่าง อะไรที่ไม่มีก็สร้างมันขึ้นมา
เศษหนึ่งส่วนสอง คือ เป็นน้ำครึ่งแก้วเสมอ อย่าเป็นคนที่บอกว่า ฉันรู้ดีที่สุดในทุกเรื่อง ถึงแม้คุณจะเชี่ยวชาญที่สุดในด้านนึง คุณก็ต้องคิดว่าคุณยังเก่งขึ้นได้อีก
วายยกกำลังสาม ประกอบไปด้วย
y ตัวแรก คือ เป็นคนชอบตั้งคำถาม 2 คำถาม ได้แก่ Why ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? และ Why not ทำไมถึงไม่เป็นแบบนี้ล่ะ ?
y ตัวที่สอง คือ มีทักษะเป็นรูปตัววาย (y) นั่นก็คือ มีเรื่องที่รู้ลึกอยู่หลายเรื่องและมีเรื่องที่รู้ลึกที่สุดอยู่ 1 เรื่อง
y ตัวสุดท้าย คือ Wide คิดให้ต่างอย่างมากจากคนอื่น
ต้องรู้ว่าเรื่องไหนที่เราต้องเรียนรู้เพิ่ม เรื่องไหนที่ควรจะลืมมันไป เพราะไม่ได้ใช้มันแล้ว และเรื่องไหนควรเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง
ความสำเร็จในอดีต ไม่ได้บอกอะไรเลย อุปสรรคของคนส่วนมาก คือ การที่สำเร็จมากเกินไป เมื่อสำเร็จมากก็จะเหลิง เหลิงแล้วก็จะเป็นน้ำเต็มแก้ว จะไม่ตั้งคำถามต่อ คิดว่า เคยทำแบบนี้แล้วมันสำเร็จ ก็จะทำแบบนี้ต่อไป
ถ้าทำดีที่สุดแล้ว มันทำได้แค่เมื่อวาน ทุกเย็น ให้ตั้งคำถามถามตัวเองอยู่เสมอว่า จะทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไร ลืมความสำเร็จเมื่อวานออกไป ล้มเหลวก็ลืมไป เพราะนั่นคือสิ่งที่เป็นเมื่อวาน
ยิ่งสำเร็จเท่าไร ยิ่งต้องถ่อมตัวมากขึ้นเท่านั้น
ใช้หลักของวงกลมอิคิไก โดยการหา 1. สิ่งที่เราชอบ 2. สิ่งที่เราถนัดและ 3. สิ่งที่เราสร้างเป็นอาชีพได้ ลองเขียนออกมาหลาย ๆ ข้อ ในแต่ละด้าน
หลังจากเขียนออกมาครบทุกด้านแล้ว ให้หาส่วนที่มันมีส่วนซ้ำกัน แล้วสรุปออกมาว่า ชีวิตเราในอีก 1 ปีข้างหน้า อยากจะบรรลุเป้าหมายใดบ้าง เขียนออกมาสัก 10 ข้อ แล้วเลือกมา 3 ข้อ แล้วนำ 3 ข้อนี้ไปลองทำดู
หลังจากลองทำดูแล้ว ให้ขอฟังผลลัพธ์จากคนรอบตัวเราสัก 10 คน
ทำสรุปจากการฟัง และตั้ง OKR ของตัวเอง แล้วแบ่งทำเป็นส่วน ๆ หลังจากนั้นทำมันให้สำเร็จ
ใช้ตัวเราเป็นตัวอย่างให้เขา บอกว่า เราเองยังทำได้เลย โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเอง
และเราก็สามารถเปลี่ยนมันได้ เราเป็นคนที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ไม่ต้องไปนั่งสอนเขา
ให้บอกว่า Look at me ! I can do it ! I can change my life ! หรือ ดูฉันสิ! ฉันทำมันได้! ฉันสามารถเปลี่ยนชีวิตฉันได้!