เทคนิคการวางแผน การจัดการเงิน การอ่านในห้องทำงาน เกลาบุกบ้านก๊อต Part ห้องทำงาน
รวบรวมสรุปสั้นกระชับ (ไม่ต้องเสียเวลาฟังคลิปยาว)
สิ่งแรกคือห้องทำงานมีผลต่อการทำงานมาก และอีกหลายอย่าง เช่น การจัดห้อง วิธีคิด และนิสัยของการทำงาน
มาดูว่านิสัยและแนวคิดของคนประสบความสำเร็จอย่าง "ก๊อต จิรายุ" เป็นยังไง?
อย่างแรกที่ขาดไม่ได้ ก่อนเข้าเรื่องต้องรู้
ห้องทำงานที่มีประสิทธิภาพของก๊อต ใช้สำหรับทำอะไรบ้าง?
นั่นคือเป็นห้องที่ใช้สำหรับ ค้นคว้า อ่านหนังสือ จดบันทึก เขียนหนังสือ อ่านบท ละครต่างๆ
ถ้าให้เปรียบห้องกับนิสัยอย่างไร?
แท้จริงแล้ว มันคือการพัฒนาตัวเองจากข้างใน นั่นคือ ข้างในเป็นอย่างไร ข้างนอกเป็นเช่นนั้น
บอกได้เลยว่า ความคิดที่ฟุ้งซ่านมันจะปะทุลออกมา ทางสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ความรกเกิดขึ้นในสมองก่อน แล้วถึงกระจายเป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัว
แล้วพอเราเริ่มฝึกได้มากขึ้น ข้างในมันเปลี่ยน ข้างนอกเปลี่ยนตามเอง
มีวิธียังไงในการเลือกหนังสือ?
ก็อตจะเลือกหนังสือที่สนใจ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิต เช่น ด้านจิตใจ ปรัชญา ศาสนา
อย่างแรก เรามักจะซื้อเพราะอารมณ์ของเรา เป็นนิสัยเสพติดอย่างหนึ่ง เพราะเรามีความสุข กับการจ่ายแล้วได้รับกลับคืนมา
แต่เราใช้ไปกับเรื่องสร้างสรรค์ จริงไหม?
ดังนั้น วิธีการคืออยู่กับหนังสือ 1 เล่ม
ทำเหมือนหนังสือคือบุคคลหนึ่ง ใช้เวลาอยู่กับหนังสือนั้นให้นานๆ
วิธีง่ายๆคือ การจดและอยู่กับหนังสือนั้น จนกว่าเราจะเข้าใจ
นอกจากจดหนังสือ ก๊อตจดอะไรบ้าง?
แน่นอนก๊อตจดประสบการณ์จากการนั่งสมาธิ การเขียนขอบคุณเรื่องราวต่างๆ
คือจะไม่มองการทำงานคือเงิน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องมีเงิน
สำเร็จมากขึ้น = ช่วยคนได้มากขึ้น (เป็นการทำสิ่งที่ตัวเองรัก)
บอกสำหรับคนที่ทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่รัก?
ถ้าเป็นสิ่งที่ดีกว่า เราสามารถทำได้ แต่ในขณะทำต้องมีความสุข ทำงานให้งานพัฒนาตัวเราเอง
เราจะพัฒนาตัวเองได้ต่อเมื่อเราจำความรู้ที่เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองได้
เขียนชื่นชมและเห็นคุณค่าในเป้าหมาย ของตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง
สนุกกับสิ่งที่ทำและเห็นคุณค่าในสิ่งนั้น
เปิดให้ดูคลังโน้ตเตือนตัวเองของก็อต?
เป็นการเขียนโน้ตไว้เตือนตัวเอง และแชร์ต่อโดยการแชร์โพสผ่านทางโซเชียล
ทำไมต้องเลือกคำโพสให้บวก มากกว่าการใช้คำเฉือดเชือน?
เพราะว่าข้อความต้องเลือก การทำให้ใครคนหนึ่งเกิดอคติในการอ่าน มันไม่ได้ทำให้เขาเปิดใจรับรู้เลย
แต่ถ้าเราทำให้ เสริมกำลังใจคนอ่านได้ อันนี้สิเป็นประโยชน์!!
ถ้าเราต้องการอะไรจริงๆ เราจะพยายาม
เป็นเพราะเราไม่ชัดเจนกับสิ่งที่ต้องการจริงๆ
ถ้าอยากจำวันเดียวก็จำได้ ถ้าเราอยากได้สิ่งนั้นจริง จะเขียนเยอะต้องอ่านเยอะ
ภาษาที่ใช้ในการเขียนสำหรับตัวเองและคนอื่น?
เขียนเพื่อ "คนอื่น" ต้อง "เอาคนอื่น" เป็นตัวตั้ง เขียนเพื่อ "ตัวเอง" ต้อง "เอาตัวเอง" เป็นตัวตั้ง
ต้องแยกให้ออกว่า อยากระบายความรู้สึกหรืออยากแสดงความคิดเห็น อย่างสร้างสรรรค์
มันบ่งบอกศักยภาพของคนนั้นเลยนะ!
จะหายได้ด้วยการเข้าใจ ตัวเองและผู้อื่น
ถ้าไม่ฝึกจิตใจให้สูงขึ้น มันจะลงต่ำ
การคัดกรองการเขียนของก๊อต
เทคนิคการบริหารเงินให้เงินงอกเงยแม้มีเงินน้อย?
ธรรมชาติจะไม่มีวันให้เรารวย ถ้าเรารับไม่ไหว
ในที่นี้หมายถึงมีวิธีคิดและการจัดการที่ดี
แบ่งเงินออมเป็น 6 แหล่ง
กลับมองตัวเรา ให้มีความรู้วิธีคิดด้านการเงินมากขึ้น ระบบการบริหารจัดการมีหรือป่าว
ถ้าวิเคราะห์แล้วมองไม่ออก
ที่มองไม่ออกเพราะไม่มีความรู้
ที่ไม่มีความรู้ เพราะไม่สนใจเวลาลงทุนกับการศึกษา
เพราะใส่ใจเรื่องอื่นมากกว่า
ที่ใส่ใจเรื่องอื่นมากกว่า
เพราะคิดว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
ยุคนี้เป็นยุคของการเรียนรู้ เรามีความรู้ทั้งในหนังสือและในอินเตอร์เน็ต ถ้ามันวางอยู่ตรงหน้าจะอ่านไหม เท่านั้นเอง
ไม่มีทางที่เราจะออกจากสถานการณ์ ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเราไม่พัฒนา
เราต้องแข็งแรงทางด้านจิตใจและความคิด เราจึงจะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้
ซึ่งเราจะแข็งแรงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิต ที่เราใช้ไปกับเรื่องไร้สาระนั่นเอง
วิธีการ จับเวลาอ่านครั้งละ 15 นาที
เราจะไม่รู้สึกว่ามันไม่มีวันจบ
จิตใจเราจะรู้ว่าการกระทำครั้งนี้มีจุดสิ้นสุดพอเรารู้ว่ามีจุดสิ้นสุดและพอเราทำไป 1-2 ครั้ง
มันจะเริ่มเห็นประโยชน์ของ 15 นาทีนั้น และเดี๋ยวมันเพิ่มเวลาขึ้นเอง
แทนที่เรื่องไร้สาระมากมายด้วยการอ่านหนังสือ
เราอ่านเพื่อที่จะปรับใช้แล้วให้ผลลัพธ์ ในชีวิตเรามันเป็นตัวบอกเกรด ทางคุณภาพทางความคิดเรา เฉียบบบ!
ทิ้งท้าย…ผู้เขียนอยากฝากผู้อ่านไว้ให้คิด "เกลา นิสัยอันตราย" ไปพร้อมกัน
"ถ้าอยากเป็นคนแบบไหน ให้เลียนแบบคนๆ นั้น"
คือการเลียนแบบนิสัย ความคิด การใช้ชีวิตในทางที่ดี
แล้วทำจนกลายเป็นนิสัยใหม่ของเราเอง เราจะไม่รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนของเรา
เราจะไม่มีวันรู้ว่าจริงถ้าไม่ลองลงมือและทำทันที
การลงมือทำเป็นกระบวนการที่ทำให้คนประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น
"ความรู้เมื่อรู้" ต้องเอาไปทำลงมือทำจริง ถึงจะเกิด "ผลลัพธ์" ที่ดีในชีวิต
ผูัเขียนคิดว่า เหมือนกับการเรียนเพื่อทำงาน เรายังเลือกเรียนสาขาที่ตรงกับงานที่เราทำ
เมื่อจบได้ทำงานตามสาขาที่เรียน มีคนรับเราเข้าทำงานและเราได้ทำงาน
เพราะเรามีความรู้ ความเข้าใจดี สุดท้ายเราได้ใช้ความรู้นั้นให้เกิดประโยชน์