และความรู้ที่สำคัญที่สุด... ก็คือ “ความรู้เกี่ยวกับตนเอง”
พี่ก๊อต จิรายุ เปรียบเราก็เหมือนกับเครื่องมือ.. ถ้าเรามีแต่ไม่รู้วิธีใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์ ตัวเราเองก็เช่นกัน... ถ้าเราไม่เข้าใจตัวเองว่าเป็นยังไงอย่างถ่องแท้ เราก็จะไม่สามารถใช้หรือดึงประสิทธิภาพสูงสุดของตัวเองออกมาใช้ได้...
คนประเภท Introvert คือคนที่ “มีสมาธิกับตัวเอง”... เมื่อกลับมาอยู่กับตัวเองทำให้ความคิดเฉียบคมกว่า และสงบกว่า คน Introvert จึงมีพลังมากกว่าเพราะอยู่กับตัวเอง
พี่ก๊อตบอกว่าถ้าเรามีสมาธิกับสิ่งอื่นจนลืมตัวเอง... เราจะกลายเป็นคนที่ไม่รับผิดชอบต่อตนเอง ผลักความรับผิดชอบออกไปให้คนอื่น โทษนู่นโทษนี่ ทั้ง ๆ ที่ชีวิตนี้เราต้องรับผิดชอบทุก ๆ อย่างด้วยตัวเอง เช่น เจ็บคอแทนที่จะโทษลมฟ้าอากาศ ทำไมเราไม่ย้อนกลับมาดูตัวเอง... ว่าเราทำอะไรลงไปบ้าง ไม่ใช่เราเหรอที่ต้องดูแลคอตัวเองให้ดี?
นอกจากชอบมีคนเข้าใจว่า Introvert โลกส่วนตัวสูงแล้ว ชอบเข้าใจว่ามีเพื่อนน้อยด้วย...
เขาเลือกเพื่อนคบต่างหาก... พี่ก๊อตพูด ... Introvert เข้าใจว่าเพื่อนคือแหล่งพลังงานอย่างหนึ่งที่สำคัญ เพื่อนที่ดีคือเพื่อนที่ควรช่วยเสริมพลัง เป็นแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน... Introvert จึงมีเพื่อนไม่มาก แต่เป็นเพื่อนที่มีคุณค่าของพวกเขา
เรามักกลับหาสิ่งเสพภายนอกต่าง ๆ ที่ไม่เคยเติมเต็มเราได้จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ความสุขที่แท้จริง...ไม่เคยอยู่ไหนไกลเลย มันอยู่กับเราตลอดเวลา... มันอยู่ใน “ตัวเรา” แต่ ... เราแค่ไม่รู้
เกิดจากปัจจุบัน ไม่ต้องพึ่งสิ่งใด... ทันความคิดของตัวเองในปัจจุบัน ว่ามันคือความไม่เที่ยง เกิดแล้วดับไป มีความสุขเดี๋ยวก็หายความทุกข์ก็เช่นกัน.. ความรุ้สึกกลาง ๆ ที่ไม่เอนไปทุกข์หรือสุข... มันคือความเข้าใจที่นำไปสู่การปล่อยวาง... ความเข้าใจนี้แหละที่คือ “ความสุขที่แท้จริง”
...อยู่กับตัวเองบ่อย ๆ
มันเป็นความคุ้นชิน... ที่เรามักจะตัดสินคนอย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มันจึงยากที่จะไม่ทำ... พี่ก๊อตเองก็พยายามที่จะไม่ทำอยู่เช่นกัน ด้วยการพยายามมองว่าเรา “เหมือนกัน”
คุณนี่เห็นแก่ตัวจัง... ฉันเองก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน คุณนี่ขี้โมโหจัง... ฉันเองก็ขี้โมโหบ้างเหมือนกัน
เขามีส่วนไหนที่เราตัดสินเขา... ให้มองว่าเราเองก็มีมุมนี้เหมือนกัน
สื่อในปัจจุบันที่รวดเร็วและหาง่ายมีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่หาประโยชน์และอันตรายมากสำหรับคนที่เสพแบบไม่รู้ตัว... ว่าเสพอะไรเข้าไปทุกวัน
สื่อเหมือนอาหาร... ถ้าเราเสพแต่สื่อดี ๆ มีสาระก็เหมือนได้อาหารดี ๆ เข้าไป แต่ถ้าเสพแต่สื่อแย่ ๆ เช่นสื่อที่นินทา ข่าวเท็จ ก็เหมือนเราสะสมขยะเข้าไปนั่นเอง... ดังนั้นเวลาเสพสื่อจงเลือกสื่อให้ดีเป็นนิสัย
เพราะสื่อสามารถบ่มเพาะนิสัยเราได้อย่างไม่รู้ตัว
.... แก้ไม่ได้เพราะไม่มี “ปัญญา” จะแก้
ถ้าเราไม่มีความรู้ที่จะแก้ไขส่วนนั้น เราก็ไม่มีทางแก้ได้ เช่นอยากจะซ่อมคอมพิวเตอร์แต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลยจะซ่อมได้ยังไง... ดังนั้นถ้าไม่มีความรู้ก็แค่ไปหาซะ
... แต่ความรู้เพียงด้านเดียวไม่พอ
เดี๋ยวนี้มีสื่อมากมายให้เรียนรู้ อยากรู้อะไรแค่พิมพ์หาในอินเตอร์เน็ตก็เจอ หนังสือก็ได้ อ่านให้มาก สะสมความรู้ไปหลาย ๆ ด้าน... เพราะการมีความรู้ถ้ามีเพียงด้านเดียวก็แก้ได้แค่ด้านเดียว แต่ที่มีความรู้หลากหลาย เราก็จะสามารถประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาได้หลาย ๆ แบบ หรือสามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด และที่สำคัญอย่าหยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
“มนุษย์จะยิ่งใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อมีความคิดยิ่งใหญ่ จะมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อเขาเชื่อว่าเขายิ่งใหญ่” - ก๊อต จิรายุ
ปัญหาที่เคยหยุดนิ่ง... มันจะยิ่งใหญ่ขึ้นตลอดเวลาตามติดทุกครั้งที่เราต้องเติบโต และการก้าวข้ามมันให้ได้ ก็คือการที่จะต้องเก่งขึ้น พัฒนาขึ้น เรียนรู้ให้มากขึ้น ถึงมันจะยากในบางครั้ง แต่มันทำใหชีวิตเราดีขึ้นนะ เราสามารถเลี้ยงพ่อแม่ให้ดีขึ้นจากการงานที่สูงขึ้น มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเองนะที่ผ่านอะไรยาก ๆ มาได้... ดังนั้น จงเห็นคุณค่าของการพัฒนาตนเอง
พี่ก๊อตบอกว่าเราขาดสมาธิต่อตนเองเพราะสังคมบ่มเพาะให้เราจดจ่อต่อสิ่งภายนอก... พี่ก๊อตจึงลองแนะนำให้เราปิดเครื่องมือสื่อสารสัก 5 นาที แล้วลองหายใจเข้าออก... จดจ่อกับลมหายใจ
...ทำสมาธินั่นแหละ
การพยายามจดจ่อกับลมหายใจตัวเอง มันคือการพยายามทำสมาธิกับปัจจุบันนี่แหละ ปัจจุบันที่เราพยายามบังคมให้ตัวเองสนใจกับลมหายใจ ไม่ใช่จิตกระเด้งกระดอนไปคิดเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับตอนนี้ ซึ่งการฝึกมีสมาธิ ในสิ่งที่เราต้องการที่จะมีสมาธิกับมันนี่แหละ ที่ทำให้เราสามารถกำหนดควบคุมความคิดของตัวเองได้ ช่วยให้คิดเป็นระบบมากขึ้น ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นเพราะมีสติอยู่กับตัวเอง
...มนุษย์เลือกที่จะคิดได้... ถ้าฝึกฝน
สิ่งที่ฉันจะทำ และสิ่งที่ฉันจะไม่ทำ
“มนุษย์เรามันควรเลือกว่าสิ่งไหนที่ฉันตัดสินใจจะทำ และตัดสินใจที่จะไม่ทำด้วย”
...ถ้าเราจะทำอะไรสักอย่างแต่ไม่ห้ามสิ่งที่ไม่ควรด้วยไม่ได้ เหมือนอยากจะผอมต้องออกกำลังกายนะ แต่ดันไม่ห้ามตัวเองกินของหวาน... มนุษย์เป็นแบบนี้..ถ้าไม่ห้ามก็ควบคุมตัวเองไม่ได้... ดังนั้นถ้าจะทำอะไร นอกจากจะต้องเขียนสิ่งที่ทำ ก็ต้องเขียนสิ่งที่ไม่ทำลงไปเพื่อเตือนตัวเองด้วย
ขนาดตัวเองยังควบคุมไม่ได้เลย...เราจะไปควบคุมเปลี่ยนแปลงใครเขาได้
แทนที่จะมาพยายามควบคุมเขา ให้ทุกข์ทั้งตนเองและคนถูกคุม ...เรามาพยายามป็นแบบอย่างดีกว่า... แสดงให้เขาเห็นว่าเราทำแบบนี้มันทำให้ชีวิตดีขึ้นยังไง...ถ้าเขาเห็นว่ามันดีเขาจะทำตามเอง
ถ้าเรารู้ว่าความคิดอะไรที่เป็นบ่อเกิดของความรู้สึกแย่ต่าง ๆ เราก็จะได้คิดตรงข้ามแทน...นี่เป็นวิธีที่พี่ก็อตใช้ ในขณะเดียวกัน...ถ้าคนบางคนไม่รู้ เขาก็จะจมปลักอยู่กับความคิดนั้น วนไปวนมาและแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่รู้จักตัวเองว่าเป็นคนยังไง..หรือรู้จักตัวเองแต่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นก็เช่นกัน
ถ้าอยากที่จะเริ่มเปลี่ยนตัวเอง... ก็ต้องเริ่มที่จะยอมรับตัวเองก่อน